5 กิจกรรมสำหรับเด็กประถมช่วงวัย 6-12 ปี เสริมสร้างความมั่นใจและพัฒนาการรอบด้าน 5 กิจกรรมสำหรับเด็กประถมช่วงวัย 6-12 ปี เสริมสร้างความมั่นใจและพัฒนาการรอบด้าน

5 กิจกรรมสำหรับเด็กประถมช่วงวัย 6-12 ปี เสริมสร้างความมั่นใจและพัฒนาการรอบด้าน

ทุกครั้งที่ลูกเติบโตเข้าสู่แต่ละช่วงวัย คนที่ใกล้ชิดที่สุดกับลูกอย่างเราก็เหมือนได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะพัฒนาการของลูกแต่ละวัยแตกต่างกัน ซึ่งการได้เรียนรู้ไปพร้อมกับลูกนี้คือความสนุกอย่างหนึ่งในการเป็นพ่อแม่

และแม้จะเป็นลูกวัยประถมเหมือนกัน แต่ละขวบปีที่เขาเติบโตขึ้นนั้นก็มักจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เราได้เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องความสนใจเรื่องต่างๆ ทำให้เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะช่วยหากิจกรรมที่เหมาะสมกับช่วงวัยตรงกับความสนใจของเขาและช่วยเสริมพัฒนาการได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กในช่วงนี้ควรเป็นกิจกรรมสำหรับเด็กประถมที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาการเรียนรู้และการเติบโตทางด้านร่างกายด้วย

ที่สำคัญ ไม่ว่าลูกจะอายุเท่าไหร่ อย่าลืมทุกวัยคือวัยของการเรียนรู้ กิจกรรมต่างๆ ก็ควรจะเปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้อย่างสมวัยและตรงกับความสนใจ

ลูกวัย 6-7 ปี

กิจกรรมสำหรับเด็กประถมในช่วงวัย 6-7 ปีนี้เป็นช่วงที่เด็กวัยนี้จะเข้าใจคอนเซปต์ของสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นกว่าวัยอนุบาล มีความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องรอบตัว แต่ไม่ใช่วัยที่เราจะคาดหวังให้เขามีสมาธิอยู่กับกิจกรรมได้ยาวๆ เด็กวัยนี้จะมีอาการคล้ายเด็กไฮเปอร์หรือเด็กสมาธิสั้น ถ้าเป็นกิจกรรมที่ใช้เวลา ควรแบ่งกิจกรรมนั้นออกเป็นกิจกรรมย่อยๆ เพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกว่าใช้เวลานานเกินไป

กิจกรรมสำหรับเด็กที่เหมาะกับช่วงวัยนี้อาจเป็นงานศิลปะที่ไม่ซับซ้อน แต่ให้เขาได้ใช้กล้ามเนื้อมือมัดเล็กในการตัด แปะ พับสิ่งต่างๆ หรืออาจจะเริ่มแนะนำให้ลูกรู้จักกับดนตรี เพราะวัยนี้สามารถจับจังหวะและแยกความแตกต่างระหว่างเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ ได้

ลูกวัย 8 ปี

ความแตกต่างที่พ่อแม่จะเริ่มสังเกตได้ในลูกวัยนี้ก็คือ ลูกจะสามารถมีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมที่ทำได้นานขึ้น ความอยากรู้อยากเห็นยังคงมีเหมือนวัยก่อนหน้า แต่พ่อแม่ต้องเตรียมรับมือกับคำถามที่มากขึ้น

ในช่วงวัยนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะหากิจกรรมสำหรับเด็กประถมที่เหมาะสมกับลูกได้ง่ายขึ้น เพราะด้วยพัฒนาการทางอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นตามวัย ลูกจะสามารถแสดงออกได้ชัดเจนขึ้นระหว่างกิจกรรมที่ชอบและไม่ชอบ

เพราะฉะนั้นกิจกรรมสำหรับเด็กที่เหมาะกับวัยนี้ควรจะสอดคล้องกับสิ่งที่ลูกสนใจ ตัวอย่างเช่น หากเราสังเกตว่าลูกเริ่มชอบอ่านนิทานด้วยตัวเองมากขึ้น แทนที่จะเป็นฝ่ายให้คุณพ่อคุณแม่อ่านให้ฟังอย่างเดียว เราอาจจะชวนลูกไปร้านหนังสือ ให้เขาเลือกหนังสือที่ชอบ พอเขาอ่านแล้ว ก็อาจจะชวนคุยถึงนิทานเรื่องนั้น หรือให้เขามาเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังทีหลังว่า หนังสือที่ซื้อมานั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร วิธีนี้จะช่วยให้ลูกได้ฝึกพัฒนาการด้านสติปัญญาผ่านการใช้ภาษา ทั้งการอ่านและการถ่ายทอดเรื่องราวนั้นให้คนอื่นฟังอีกต่อ

Milo banner

 

 

 

ลูกวัย 9 ปี

ผ่านมาถึงครึ่งทางของลูกวัยประถม เด็กวัยนี้จะเริ่มมีเหตุผลและความรู้รอบตัวกว้างขึ้น เราจะสังเกตได้ว่า ลูกเริ่มรู้จักการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ฟังเหตุผลมากขึ้น เรียกได้ว่ามีพัฒนาการทางอารมณ์ค่อนข้างชัดเจน

ในขณะเดียวกันเด็กวัยนี้ก็ต้องการอิสรภาพมากขึ้นในการทำสิ่งต่าง ๆ กิจกรรมเด็กประถมที่อายุอยู่ในช่วงวัยนี้จึงควรเป็นกิจกรรมที่เขาได้มีโอกาสในการเลือกทำด้วย หรือหากเป็นกิจกรรมสำหรับเด็กประถมที่พ่อแม่เห็นว่าเหมาะสมกับลูกและต้องการพาไปก็ควรมีการอธิบายเหตุผลให้ลูกฟังว่า เพราะอะไรถึงพามาทำกิจกรรมนี้ อย่างเช่นการพาไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะที่เอื้อต่อการพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่ หรือการพาไปชมการแสดง อย่างเช่น ละครหุ่น ละครใบ้ หรือภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเหมาะกับเด็ก ซึ่งกิจกรรมอย่างหลังนี้ พ่อแม่สามารถใช้เป็นโอกาสในการฝึกและอธิบายให้ลูกรู้ว่า พฤติกรรมอย่างไรที่แสดงในที่สาธารณะได้ พฤติกรรมแบบไหนที่ไม่ควรทำ นอกจากเด็กจะสนุกแล้วและเขายังได้ฝึกพัฒนาการทางอารมณ์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ลูกวัย 10 ปี

พัฒนาการทางสติปัญญาคือจุดเด่นของลูกวัยนี้ เด็กมีการใช้ความคิดและเหตุผลกับสิ่งต่างๆ มากขึ้น และมีทักษะการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น สามารถตัดสินใจด้วยด้วยตัวเองได้ในหลายเรื่อง

กิจกรรมสำหรับเด็กประถมอีกอย่างหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนลูกในวัยนี้ทำได้โดยไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรเป็นพิเศษและไม่ต้องออกจากบ้าน ก็คือการฝึกให้ลูกทำงานบ้านง่ายๆ ที่เขาสามารถรับผิดชอบได้ หรือการฝึกทำอาหารเช้าง่าย ๆ สำหรับตัวเด็กเอง เพราะในการทำงานบ้านบางครั้งก็ต้องอาศัยการแก้ปัญหาบางเรื่องเช่นกัน ลูกจะได้มีทักษะเรื่องนี้มากขึ้น และมั่นใจในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ เพิ่มขึ้น

ส่วนกิจกรรมนอกบ้านเด็กวัยนี้จะเริ่มแสดงออกชัดเจนว่าชอบอะไร หน้าที่ของพ่อแม่คือสังเกตและพูดคุยเพื่อให้เข้าใจความสนใจของลูกมากขึ้น หรือบางครั้ง ลูกอาจเป็นฝ่ายบอกเองว่าอยากจะไปไหนหรือทำอะไร ซึ่งเราควรเปิดโอกาสให้เขาเสนอความคิดและรับฟังเหตุผลของลูกก่อนจะอนุญาตหรือปฏิเสธ แต่หากจะปฏิเสธอะไรกับลูกวัยนี้ ต้องอย่าลืมว่า การให้เหตุผลเป็นเรื่องสำคัญ

ลูกวัย 11-12 ปี

พัฒนาการทางสังคมน่าจะเรียกได้ว่าเป็นพัฒนาการด้านที่มีความเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดของลูกวัยนี้ เพราะนอกจากเด็กจะมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ยังเป็นช่วงวัยที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนวัยเดียวกันค่อนข้างชัดเจน และเริ่มพูดคุยกับเพื่อนผ่านช่องทางต่างๆ ไม่เฉพาะแต่เวลาที่อยู่โรงเรียนเท่านั้น ซึ่งในฐานะพ่อแม่ต้องเข้าใจเรื่องนี้และไม่คิดไปเองว่าลูกให้ความสำคัญกับตัวเองน้อยลง แต่เป็นธรรมชาติของช่วงวัย

เพื่อให้ลูกได้ใช้เวลากับเพื่อนแบบที่เขาอยากใช้ แต่ยังอยู่ในสายตาของเรา กิจกรรมสำหรับเด็กประถมในช่วงวัย 11-12 ปีที่เหมาะสม อาจเป็นทริปการเดินทางสั้นๆ ที่ไปกันหลายๆ ครอบครัว หรือเลือกเป็นกิจกรรมที่ทุกคนในครอบครัวสามารถสนุกด้วยกันได้ การทำกิจกรรมครอบครัวร่วมกันกับครอบครัวอื่นมีข้อดีตรงที่ลูกเองก็จะสนุกกับการได้เที่ยวกับเพื่อนวัยเดียวกัน ได้รู้สึกเป็นตัวของตัวเองในบางช่วงเวลาเพราะไม่ต้องตัวติดกับพ่อแม่ตลอด และได้ฝึกการวางตัวเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ครูหรือคนในครอบครัวด้วย การจัดกิจกรรมให้ลูกในลักษณะนี้จึงช่วยฝึกพัฒนาการทางสังคมของเขาได้โดยตรง

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าลูกจะอยู่ในวัยใด กิจกรรมสำหรับเด็กที่คุณพ่อคุณแม่เลือกมาเป็นแบบไหน เสริมพัฒนาการลูกด้านใด สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในทุกกิจกรรมก็คือ ‘การสังเกตความสนใจและความสุขของลูก’ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราเข้าใจลูกมากขึ้น และเมื่อเข้าใจลูกแล้ว เราจะรู้ว่าควรจะต่อยอดสิ่งที่ลูกชอบไปในทิศทางไหน เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ในสิ่งที่สนใจ มีพัฒนาการตามวัยในทุกด้าน และเติบโตอย่างมีความสุขได้ในทุกวันของชีวิต