Home School คืออะไร เตรียมความพร้อมอย่างไร ให้ลูกเรียนโฮมสคูล อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วงอายุ 7-12 ปี ถือว่าเป็นเวลาสำคัญสำหรับการเรียนรู้ การเติบโตทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของลูกน้อย แต่ด้วยสถานการณ์สิ่งแวดล้อมและสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุก ๆ วัน คุณแม่หลายท่านอาจมีความกังวล และเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการศึกษาในอนาคตให้กับลูก
ในบทความนี้ ไมโล จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปรู้จักกับการเรียนรู้ด้วยตัวเองที่บ้าน หรือ โฮมสคูล (Home School) เทรนด์ที่กำลังมาแรงของเด็ก ๆ ในยุคนี้ เพื่อช่วยให้ครอบครัวสามารถวางแผน และตัดสินใจเรื่องการเรียนของลูกได้ง่ายขึ้น
โฮมสคูล (Home School) คืออะไร
การเรียนที่บ้าน หรือ โฮมสคูล (Home School) คือ การเรียนรู้อย่างอิสระ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องการจะจัดการเรียนขั้นพื้นฐานให้กับลูกน้อยด้วยตัวเองที่บ้าน เด็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องเข้าโรงเรียน เพราะครอบครัวจะคอยทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ออกแบบหลักสูตรตามสิ่งที่ลูก ๆ ถนัดและสนใจ ไปจนถึงการสอน และส่งผลการประเมินไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้ช่วยออกใบรับรองและสอบเทียบชั้น เมื่อต้องการยื่นเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยนั่นเอง
โฮมสคูล (Home School) มีกี่รูปแบบ เหมาะกับเด็กอายุเท่าไหร่
การเรียนอยู่บ้านรูปแบบโฮมสคูลสามารถทำได้กับเด็กในทุกระดับชั้น ตั้งแต่เตรียมอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) และไม่ได้มีแค่การเรียนอยู่ที่บ้านของตัวเองในแบบพ่อแม่ลูกอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีทั้งหมด 5 รูปแบบ ที่ครอบครัวสามารถเลือกได้ตามความต้องการ ได้แก่
การเรียนโฮมสคูลที่บ้านแบบครอบครัวเดี่ยว
คุณพ่อคุณแม่เป็นคนช่วยกันจัดการเรียนการสอนให้กับลูกน้อยด้วยตัวเอง
การเรียนโฮมสคูลที่บ้านแบบกลุ่ม
คุณพ่อคุณแม่จัดการเรียนการสอนด้วยตัวเอง และมีการนัดรวมกลุ่มกับครอบครัวที่ทำโฮมสคูลแบบเดียวกันบ้างในบางโอกาส เพื่อให้ลูก ๆ ได้ทำกิจกรรม และฝึกการเข้าสังคมพร้อมกับเด็กวัยเดียวกันนั่นเอง
การเรียนโฮมสคูลที่บ้านแบบรวมศูนย์
เป็นการรวมกลุ่มคุณพ่อคุณแม่ที่ทำโฮมสคูลในจำนวนที่ใหญ่ขึ้น เพื่อปรึกษาหารือและช่วยกันออกแบบวิธีการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุดในทุก ๆ พัฒนาการ และมีการจัดอีเวนต์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง เช่น การเดินสำรวจนอกสถานที่ หรือการจัดปาร์ตี้ลูกโป่ง เป็นต้น
การเรียนโฮมสคูลที่บ้านร่วมกับทางโรงเรียน
ทางโรงเรียนคอยช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ในการสนับสนุนสื่อการเรียนหรือสถานที่ให้ลูกใช้ทดลองทำกิจกรรม และอาจมีการพาเด็ก ๆ ไปออกทริปทัศนศึกษาร่วมกับนักเรียนคนอื่น ๆ เพื่อให้พวกเขาได้ทำความรู้จักและคุ้นชินกับเพื่อนใหม่อีกด้วย
การเรียนโฮมสคูลที่บ้านแบบออนไลน์
เป็นการเรียนที่บ้าน โดยใช้หลักสูตรและเนื้อหาภาษาอังกฤษของต่างประเทศนั่นเอง
เปิดข้อดี-ข้อเสีย ของการเรียนอยู่บ้านรูปแบบโฮมสคูล (Home School)
ข้อดีของการเรียนโฮมสคูล | ข้อเสียของการเรียนโฮมสคูล |
ยืดหยุ่นเรื่องวัน-เวลา รูปแบบการสอน และหลักสูตรได้อย่างอิสระ ตามความสนใจและความชอบของลูก | หากคุณพ่อคุณแม่มีความหละหลวมหรือกดดัน จนเกินไป ก็อาจทำให้ลูกเครียด หรือไม่ได้เรียนรู้อย่างเต็มที่มากพอ |
สามารถตัดวิชาที่คิดว่าไม่จำเป็นออกได้ด้วยตัวเอง และเสริมวิชาที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต | พราะการไม่ค่อยได้ออกไปเจอผู้คนใหม่ ๆ อาจทำให้ลูกขาดทักษะในการเข้ากับสังคมได้ |
คุณแม่มีเวลาอยู่กับลูก เข้าใจลูกได้มากขึ้น ครอบครัวได้อยู่ใกล้ชิดกัน | คุณแม่ต้องคอยอัปเดตหลักสูตรให้ทันสมัย และติดตามเทรนด์ปัจจุบันอยู่ตลอด |
อยากให้ลูกเรียนโฮมสคูล (Home School) ต้องทำอย่างไร
คุณพ่อคุณแม่สามารถเดินทางไปยื่นคำขออนุญาตเพื่อจัดการเรียนการสอนแบบโฮมสคูลให้กับลูกที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยเราจะร่วมกันวางแผนและออกแบบหลักสูตรตามสิ่งที่ลูก ๆ สนใจหรือควรได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ เกณฑ์การวัดผล พร้อมเงินสนับสนุนค่าอุปกรณ์ และเมื่อลูก ๆ เรียนจบแล้ว พวกเขาจะได้รับวุฒิการศึกษาตามระดับชั้นที่สามารถรับรองและนำไปสอบเทียบเมื่อต้องการกลับเข้าสู่รั้วโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยได้
อายุเท่าไหร่ถึงจะทำ Homeschool ได้?
สำหรับอายุที่สามารถเริ่มทำ Homeschool นั้น ไม่มีข้อจำกัดที่ชัดเจน โดยทั่วไปมักเริ่มตั้งแต่ช่วงอายุประมาณ 3-6 ปี ซึ่งตรงกับระดับชั้นอนุบาล อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองสามารถเลือกเริ่มต้นได้ตามความพร้อมของครอบครัวและตัวเด็ก
ในทางกฎหมาย การศึกษาภาคบังคับในประเทศไทยเริ่มตั้งแต่อายุ 7 ปีขึ้นไป ดังนั้น หากต้องการทำ Homeschool อย่างเป็นทางการ ผู้ปกครองจำเป็นต้องยื่นคำขออนุญาตจัดการศึกษาต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในท้องที่ที่ครอบครัวมีภูมิลำเนา เมื่อบุตรหลานมีอายุครบ 7 ปีบริบูรณ์
ในแง่ของระดับการศึกษา Homeschool สามารถดำเนินการได้ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) หรือเทียบเท่า ซึ่งครอบคลุมการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปีตามระบบการศึกษาไทย ผู้เรียนสามารถเข้ารับการประเมินผลการเรียนรู้ตามระดับชั้นและสามารถได้รับวุฒิการศึกษาที่เทียบเท่ากับการเรียนในระบบโรงเรียนปกติ
หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแบบ Homeschool ผู้เรียนมีสิทธิ์สมัครเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้เช่นเดียวกับนักเรียนจากโรงเรียนทั่วไป โดยต้องผ่านการทดสอบและกระบวนการคัดเลือกตามเกณฑ์ของแต่ละสถาบันการศึกษา
สอบเทียบวุฒิเข้ามหาลัยสำหรับเด็กที่เรียน Homeschool
เรียน Home School สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือไม่? เป็นคำถามที่ผู้ปกครองหลายท่านกังวล ทว่าในปี 2024 นี้ ผู้เรียน Home School มีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยได้เช่นเดียวกับนักเรียนในระบบปกติ โดยมีหลายช่องทางในการได้รับวุฒิการศึกษาและสมัครเข้ามหาวิทยาลัย ดังนี้
- จดทะเบียนกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา: ผู้เรียนจะได้รับการประเมินตามหลักสูตรที่ได้รับอนุมัติ และได้รับวุฒิการศึกษาที่เทียบเท่ากับการศึกษาในระบบ
- การศึกษานอกระบบ (กศน.): สามารถสอบเทียบวุฒิการศึกษาทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย
- จดทะเบียนกับโรงเรียนที่เปิดรับเด็ก Home School: บางโรงเรียนมีโปรแกรมพิเศษสำหรับผู้เรียน Home School โดยให้การสนับสนุนและออกวุฒิการศึกษา
- สอบเทียบวุฒิมัธยมปลายหลักสูตรต่างประเทศ: เช่น การสอบ GED (ระบบอเมริกัน) หรือ IGCSE & A-Level (ระบบอังกฤษ) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยไทยและต่างประเทศ
- ช่องทางพิเศษของมหาวิทยาลัย: หลายมหาวิทยาลัยเปิดรับนักศึกษาที่มีประสบการณ์การเรียนรู้นอกระบบโดยตรง ผ่านการพิจารณาแฟ้มสะสมผลงานและการสอบเฉพาะ
- ระบบ TCAS: ผู้เรียน Home School สามารถสมัครผ่านระบบ TCAS ได้ โดยใช้ผลการสอบ TGAT/TPAT และวิชาสามัญ
ด้วยช่องทางที่หลากหลายนี้ ผู้เรียน Home School จึงมีโอกาสในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาไม่แตกต่างจากนักเรียนในระบบปกติ อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองและผู้เรียนควรวางแผนการศึกษาล่วงหน้าและติดตามข้อมูลล่าสุดจากสถาบันการศึกษาที่สนใจอย่างสม่ำเสมอ
แหล่งอ้างอิง
https://enconcept.com/what-is-tgat/
https://bkkthon-admission.com/article/can-non-formal-education-study-bachelor/