ในยุคปัจจุบันที่เด็ก ๆ ต่างมีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเอง และสามารถทำกิจกรรมคนเดียวได้เป็นเวลานานโดยไม่ต้องขยับร่างกายไปไหน พฤติกรรมเหล่านี้อาจบ่มเพาะนิสัย “ขี้เกียจออกกำลังกาย” ที่ลูก ๆ ขาดความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความกังวลและรู้สึกเป็นห่วงต่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของพวกเขาในอนาคต
การเล่นกีฬา นอกจากจะให้ประโยชน์ในแง่สุขภาพร่างกายแล้ว ยังช่วยเสริมความแข็งแรงทางด้านจิตใจ การค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง รวมทั้งสอนให้เด็กเรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมและระเบียบวินัย
อ่าน 7 ประโยชน์น่าทึ่งของการเล่นกีฬาที่ดีต่อลูกและคุณพ่อคุณแม่
บทความนี้ เราจะมาแนะนำ 5 เคล็ดลับช่วยคุณพ่อคุณแม่จูงใจลูก ๆ เปลี่ยนนิสัยขี้เกียจออกกำลังกาย หรือไม่ชอบเล่นกีฬา ให้เป็นเด็กที่รักการออกกำลังกายได้
เคล็ดลับที่ 1 สร้างนิสัยใหม่จากความเคยชิน
การที่ลูกมีนิสัยขี้เกียจออกกำลังกาย นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขามองว่าการเล่นกีฬาเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หรือรู้สึกเหนื่อยเกินไป แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ลองเป็นตัวอย่างที่ดีในการนำพวกเขาออกไปทำกิจกรรมอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ ทำให้เห็นว่าการออกกำลังกายนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ก็จะช่วยปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ให้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูก ๆ ได้
เคล็ดลับที่ 2 ทำให้เป็นเรื่องสนุก
สำหรับเด็กที่อายุน้อย พวกเขาอาจยังมีข้อจำกัดด้านสรีระร่างกาย หรือการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันในแต่ละคน คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มจากกีฬาง่าย ๆ ที่พวกเขาชอบและถนัด เป็นกิจกรรมสนุก ๆ ที่เล่นด้วยกันได้ทั้งครอบครัว เช่น เกมวิ่งไล่จับ แปะแข็ง เพื่อให้ลูกเกิดความเพลิดเพลินและรู้สึกเหนื่อยน้อยลง
เคล็ดลับที่ 3 เปลี่ยนที่ว่างในบ้านเป็นพื้นที่ออกกำลัง
การเล่นกีฬาอาจดูเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับเด็ก ๆ หากต้องมีการเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมความพร้อม และเดินทางออกไปข้างนอก ดังนั้นถ้าเราจะมาลองปรับพื้นที่โล่งในบ้าน เช่น สนามหญ้า ลานจอดรถ ให้กลายเป็นสนามฟุตบอล แทรมโพลีน หรือที่วิ่งเล่น ก็จะช่วยให้คนในครอบครัวได้ออกมาทำกิจกรรมด้วยกันง่าย และยังทำให้ลูกออกกำลังได้ถี่ขึ้นและลดอาการขี้เกียจออกกำลังกายเนื่องจากเป็นพื้นที่ในบ้านอยู่แล้วนั่นเอง
อ่าน 7 กีฬาเล่นในบ้านกับลูก เสริมความแข็งแรงให้เจ้าตัวเล็ก
เคล็ดลับที่ 4 เปิดโอกาสให้ลูกเลือกด้วยตัวเอง
เด็ก ๆ แต่ละคนมีกีฬาที่ชอบและถนัดต่างกัน ลองให้พวกเขาเลือกเกมในดวงใจและขึ้นมาเป็นผู้นำการเล่น จะช่วยทำให้การออกกำลังนั้นไม่น่าเบื่อและยังเป็นการฝึกความรับผิดชอบ ความเป็นผู้นำ (Leadership) และทักษะการสื่อสารให้กับลูกอีกด้วย
เคล็ดลับที่ 5 สังเกตพฤติกรรม รู้จักลูกมากขึ้น
การออกกำลังกายจะสนุกมากขึ้นถ้าเด็ก ๆ ได้ทำตามใจตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตดูว่าลูกของเรามีนิสัยหรือพฤติกรรมแบบไหน เด็กบางคนชอบเล่นคนเดียว ไม่ชอบเล่นกีฬากลางแจ้งและการแข่งขัน แต่เด็กบางคนชื่นชอบการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่น ดังนั้นการเล่นกีฬาเป็นทีมหรือกับกลุ่มเพื่อนจะได้ผลที่ดีกว่า เมื่อรู้จักลูกมากขึ้นแล้วเราถึงจะสามารถเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับตัวเขาทำให้ลูกไม่ขี้เกียจออกกำลังกายและมีส่วนร่วมได้มากขึ้นนั่นเอง
รวม 5 เคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนเด็กขี้เกียจออกกำลังกายให้กลายเป็นเด็กที่ชื่นชอบการเล่นกีฬา นอกจากการเลือกกิจกรรมที่ตรงกับความชอบของลูก ๆ แล้ว คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมเข้าไปมีส่วนร่วม ทำกิจกรรมปิดเทอมกับลูก เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัวและปลูกฝังความสำเร็จในระยะยาวกันนะคะ
